17Oct
เรื่องของชนิดหนังแท้สำหรับทำกระเป๋าหนัง ผู้ที่จะหาซื้อกระเป๋าหนังอาจจะต้องศึกษาไว้ ไม่เฉพาะแต่ช่างทำกระเป๋าที่ควรศึกษา แต่ถ้าผู้ซื้อมีความเข้าใจก็จะช่วยให้ดูกระเป๋าที่ขายในท้องตลาดได้ง่ายขึ้น รู้ว่ากระเป๋าที่จะซื้อทำมาจากหนังประเภทไหนบ้าง ฟอกแบบไหน บทความนี้จะมาเล่าเฉพาะหนังแท้ที่ขายในท้องตลาดนะครับ ส่วนที่ว่าเป็นกระเป๋าหนังแท้หรือหนังเทียมสามารถไปอ่านได้ที่บทความ => หนังแท้ดูยังไง <= ได้ที่ด้านบรรทัดถัดไปได้เลยครับ
พูดถึงเรื่องหนัง ขอตัดเข้ามาสมัยที่มนุมนุษย์รู้วิธี ทำให้หนังทนทานมากขึ้น ผ่านการรมควัน การตากแดด ทาด้วยไขมันสัตว์ และสุดท้ายมาพบกับวิธีที่ดีที่สุดเรียกว่า ‘การฟอกหนัง Tanning’ เป็นการนำหนังสัตว์มาแปรสภาพหนังกันเลยนะครับ
การฟอกหนังคือกระบวนการทำให้กระเป๋าหนังคงทน มีผิวที่สวยงาม การฟอกหนังมักนิยมใช้วิธีการฟอกดังนี้คือ 1.การฟอกหนังด้วยโครเมี่ยม (Chrome Tanned) และ 2. การฟอกหนังด้วยสารฝาด (Vegetable Tanned) เมื่อฟอกด้วยสองวิธีดังกล่าวแล้วการแต่งหน้าผิวก็สำคัญเป็นเอกลักษณ์ของแต่ล่ะโรงงานซึ่งอาจจะใช้เครื่องจักรปั้มผิวหรือใช้การขัดด้วยมือก้ได้ ซึ่งผิวที่ออกมาจะมีลวดลายเอกลักษณ์เฉพาะตามแต่ลูกค้าจะชอบแบบไหน เรามาดูวิธีการฟอกหนังทั้งสองแบบกันนะครับ
การฟอกหนังด้วยสารฝาด (การฟอกฝาด) ซึ่งลักษณะของหนังที่ได้จะมีความแตกต่างกันอย่างมากหนังที่ฟอกด้วยสารฝาดจะ มีความแข็ง เหมาะสมกับการผลิตกระเป๋าทรง เข็มขัด พื้นรองเท้า อานม้า และปัจจุบันนี้การฟอกฟาดได้มีการเล็งเห็นความสำคัญถึงความปลอดภัยของมนุษย์ จึงได้มีการพัฒนากรรมวิธีการฟอกแบบใหม่ ที่เรียกว่า Wet white ซึ่งเป็นการฟอกด้วยสารปราศจากโครเมี่ยมด้วยสารทดแทนชนิดอื่นๆเช่น Gluta-aldehyde ซึ่งเป็น Aldehyde ที่มีความปลอดภัยต่อมนุษย์ หรือ โลหะหนักน้อยกว่า เช่น อลูมิเนียม หรือการฟอกด้วยสารธรรมชาติ ทั้งสองแบบนี้มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ อีกทั้งยังให้คุณสมบัติใกล้เคียงกับหนังที่ผลิตโดยการฟอกด้วยโครเมี่ยม โดยวิธีการนี้ยังไม่เป็นที่แพร่หลายนักอีกทั้งต้นทุนการผลิตยังสูงมากและใช้เวลานาน มีเฉพาะบางโรงงานถ้าโรงงานไหนมีการฟอกด้วยวิธีธรรมชาติอาจจะมีใบสมาคมต่างๆแนบไว้ให้ตรวจสอบด้วย
ส่วนหนังที่ฟอกจากโครเมี่ยม (การฟอกโครม) จะมีลักษณะนิ่ม มีความคงทนมากกว่า และมีความสามารถทนต่อแสงและความร้อนได้มากกว่า เหมาะสมกับการผลิตกระเป๋า รองเท้า เสื้อ เบาะหุ้มรถยนต์ เฟอร์นิเจอร์ หนังในบ้านเราส่วนมากมักนิยมฟอกด้วยการฟอกโครม การฟอกประเภทนี้เป็นที่นิยม เนื่องจากเป็นที่ต้องการของตลาด ใช้เวลาสั้น สารเคมีราคาถูก หนังที่ฟอกแล้วทนต่อความร้อนและความชื้นได้ดีกว่า การฟอกโครมเป็นการฟอกที่ทำในถังหมุน ซึ่งจะใส่สารเคมีจำพวกโครม (Chrome) ลงไป ขัดขอบไม่ได้เหมือนหนังฟอกฟาด แต่จะได้หนังที่มีสีสรรสวยกว่าหนังฟอกฟาด
ความแตกต่างระหว่างการฟอกฟาดและการฟอกโครมคือ ฟอกฟาดในปัจจุบันคือใช้ธรรมชาติในการฟอก ส่วน การฟอกโครมคือใช้เคมีในการฟอกเป็นหลัก ทำให้หนังมีความสวยคงที่ตามที่โรงงานฟอก ไม่ว่าใช้ไปนานเท่าไหร่กระเป๋าก็จะสวยเหมือนเดิมไม่เก่าจึงเป็นที่นิยมมากในปัจุบัน ส่วนการฟอกฟาดจะใช้ธรรมชาติฟอกยิ่งใช้ก็ยิ่งสวยสีจะเข้มสวย และข้อเสียการฟอกโครมอีกอย่างคือขัดขอบไม่ได้ต้องทาสีหรือเย็บริม แต่การฟอกด้วยสารฟอกฟาดสามารถขัดขอบให้ขึ้นเงาได้
ปกติวัวตามฟาร์มต่างๆจะเลี้ยงเพื่อเอาเนื้อส่วนหนังเป้นผลพลอยได้ทำให้ฟาร์มส่วนใหญ่จะปล่อยวัวเลี้ยงวัวตามทุ่ง ไม่สนใจว่าหนังวัวจะเป็นอย่างไร เมื่อได้เนื้อแล้วก้จะนำหนังส่งโรงฟอก หนังที่จะเอาไปฟอกทางโรงงานจะคัดเกรดของหนังก่อนการฟอกคือเลือกที่มีตำหนิน้อยๆหนังเกรดเอและบีต่างกันยังไง หนังจะถูกแบ่งตามคุณภาพหนัง ต่างกันที่ความสวยของหนัง โดยเมืองไทยเป็นเมืองร้อนมีแมลงเยอะ หนังไทยถูกเลี้ยงตามทุ่งก็มีร่องรอย เพราะเมื่อวัวคันวัวก็จะเอาตัวไปถูต้นไม้ ทำให้เกิดแผลบนหนัง ทำให้หนังมีรอยเยอะมีส่วนที่ใช้ได้น้อย หนังที่ผิวสวยร่องรอยน้อยก็จะเป็นหนังเกรดเอ ใช้ได้เยอะ99%ของตัววัวได้ทุกมุมไม่ต้องหลบเยอะ ทำให้หนังเกรดดีๆต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ